ประวัติศาสตร์สุขภาพฟัน
5 posters
หน้า 1 จาก 1
ประวัติศาสตร์สุขภาพฟัน
กระทู้นี้จะขอนำเสนอเรื่องราวประวัติศาสตร์การรักษาสุขภาพฟันของผู้คนในอดีต และยังเป็นกระทู้สุขภาพ เพื่อเป็นแนวทางในการรักษาสุขภาพฟันอีกด้วย
monss123- F Class
- จำนวนข้อความ : 4
คะแนน : 10
คะแนนชื่อเสียง : 2
Join date : 26/03/2010
Age : 30
ที่อยู่ : อยู่ที่เกิด เกิดที่ตาย ตายที่อยู่
เหมาเจ๋อตง อดีตผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของจีนกับฟันของท่าน
เหมา เจ๋อตง หรือ เหมา เจ๋อตุง (毛泽东 máozédōng 26 ธันวาคม ค.ศ. 1893 - 9 กันยายน ค.ศ. 1976) เป็นบุตรชายในตระกูลชาวนาเจ้าของที่ดิน จบการศึกษาจากวิทยาลัยฝึกหัดครู ก่อนจะเข้าร่วมพรรคคอมมิวนิสต์จีน หลังจากถูกปราบปรามโดยนายพลเจียง ไคเชก ท่านเหมา เจ๋อตุง ได้ขึ้นมาเป็นประธานของคณะโปลิตบูโรของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ภายใต้การปกครองของเหมา เจ๋อตง พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนได้ชนะสงครามกลางเมืองจีน และปกครองจีนแผ่นดินใหญ่ได้ เหมา เจ๋อตงได้ประกาศตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน แต่ใครจะทราบไหมว่าท่าเหมา เจ๋อตงนั้น ตลอดชีวิต 83 ปี ของท่านจนสิ้นใจ ท่านไม่เคยแปรงฟันเลย จนฟันของท่านเป็นสีเขียว และฟันทองของท่านก็เป็นสีเขียวด้วย
ขอขอบพระคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
th.wikipedia.org
www.dek-d.com
แก้ไขล่าสุดโดย Volwar เมื่อ Tue Nov 15, 2011 7:54 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง (Reason for editing : แก้ไขรูปภาพ)
Volwar- Webmaster
- จำนวนข้อความ : 572
คะแนน : 770
คะแนนชื่อเสียง : 14
Join date : 23/01/2010
Age : 30
ที่อยู่ : ถนนเจริญยาก ถนนไม่มีรถเมล์ กทม.
อย่ากัดผลไม้โดยไม่หั่นโดยเฉพาะแอปเปิ้ล
การกัดผลไม้โดยเฉพาะแอปเปิ้ล เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่ออ่านกระทู้สำหรับคนนอนดึกแล้ว บางคนอาจจะหาแอปเปิ้ลมาทานทุกคืน แบบไม่หั่น ซึ่งส่งผลทำให้ฟันเหยินได้ ดังนั้นควรระวังให้ดี ควรหั่นผลไม้โดยเฉพาะแอปเปิ้ลก่อนทานมิฉะนั้นฟันของท่านจะเหยิน
จขกท โดนมาแล้วเลยมาเตือน T0T
ขอบคุณรูปภาพประกอบจาก
www.kapook.com
แก้ไขล่าสุดโดย Volwar เมื่อ Fri May 06, 2011 4:51 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
Volwar- Webmaster
- จำนวนข้อความ : 572
คะแนน : 770
คะแนนชื่อเสียง : 14
Join date : 23/01/2010
Age : 30
ที่อยู่ : ถนนเจริญยาก ถนนไม่มีรถเมล์ กทม.
Re: ประวัติศาสตร์สุขภาพฟัน
โห ตลอดอายุ 83 ปีท่านไม่เคยเเปรงฟันเลยเหรอนี่
เอ้แปลกจังฟันไม่ผุบ้างเหรอนี่ (เขียวด้วยเเฮะ)
เอ้แปลกจังฟันไม่ผุบ้างเหรอนี่ (เขียวด้วยเเฮะ)
Tabutuba- B Class
- จำนวนข้อความ : 155
คะแนน : 195
คะแนนชื่อเสียง : 29
Join date : 07/01/2011
Age : 26
ที่อยู่ : kkw Band
Re: ประวัติศาสตร์สุขภาพฟัน
เหอๆ กัดเเอ๊บเปิ้ลเเล้วเห็นเค้าบอกว่าจะฟัน เหยิน เหอๆ
สงสัยจะจริงนะเนี่ย
สงสัยจะจริงนะเนี่ย
Tabutuba- B Class
- จำนวนข้อความ : 155
คะแนน : 195
คะแนนชื่อเสียง : 29
Join date : 07/01/2011
Age : 26
ที่อยู่ : kkw Band
Re: ประวัติศาสตร์สุขภาพฟัน
เเต่ เตือนตอนนี้คงไม่ทันเเล้วล่ะ เราอีกคนนี่เเหละเหยินเเล้ว TT
(ทรมานนะเวลาโดนเพื่อนล้ออ่ะ)
(ทรมานนะเวลาโดนเพื่อนล้ออ่ะ)
Tabutuba- B Class
- จำนวนข้อความ : 155
คะแนน : 195
คะแนนชื่อเสียง : 29
Join date : 07/01/2011
Age : 26
ที่อยู่ : kkw Band
ประวัติศาสตร์ไม้จิ้มฟัน ไม้จิ้มฟัน (ไม่) ธรรมดาๆ
ประวัติไม้จิ้มฟันสากล
ไม้จิ้มฟันมีมานานหลายพันปี และอาจจะเป็นอุปกรณ์ทำความสะอาดฟันที่เก่าแก่ที่สุด ในหลายวัฒนธรรมต่างก็รู้จักและใช้ไม้จิ้มฟัน ก่อนที่แปรงสีฟันจะถูกประดิษฐ์ขึ้น ผู้คนรู้จักการใช้ชิ้นไม้ที่แข็งหรืออ่อนเพื่อทำความสะอาดฟัน ไม้จิ้มฟันที่ผลิตจากทองสำริดถูกค้นพบในสุสานก่อนประวัติศาสตร์ ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลีและทางตะวันออกของเทือกเขาแอลป์ และเคยเป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมเมโสโปเตเมีย ไม้จิ้มฟันที่ผลิตจากเงินและไม้ยางเรซินถูกค้นพบในสถานที่ที่เคยเป็นจักรวรรดิโรมันมาก่อน และในคริสต์ศตวรรษที่ 17 มีการผลิตไม้จิ้มฟันให้มีความหรูหรา เช่นทำจากโลหะมีค่า ประดับด้วยอัญมณี วาดลวดลายให้วิจิตรบรรจง และมีการเคลือบให้เงางามคงทน ในประวัติศาสตรืโลกยุคโบราณ มีผู้ปกครองแบบเผด็จการท่านหนึ่งนามว่า อะกาโทคลีส (Agathocles) ซึ่งเสียชีวิตในปี 289 ก่อน ค.ศ. ซึ่งเป็นการฆาตกรรมด้วยไม้จิ้มฟัน ด้วยการออกฤทธิ์ของยาพิษอย่างช้าๆ ซึ่งอยู่ในไม้จิ้มฟันซึ่งทาสคนสนิทของเขาหยิบให้ใช้เป็นประจำ ในปี ค.ศ. 1872 ซิลาส โนเบิล (Silas Noble) กับ เจ. พี. คูลีย์ (J. P. Cooley) ได้จดสิทธิบัตรเครื่องผลิตไม้จิ้มฟัน เป็นเครื่องแรกของโลก
ไม้จิ้มฟันคือสิ่งประดิษฐ์ที่ได้สิทธิบัตรชิ้นแรกของไทย (จาก www.mythland.org)
“สิทธิบัตร หมายถึง หนังสือสำคัญที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์คิดค้นหรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ ที่มีลักษณะตามที่กำหนดในกฎหมาย กฎกระทรวง และระเบียบว่าด้วยพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ.2522 ซึ่งเป็นกฎหมายสิทธิบัตรฉบับแรกของประเทศไทยและให้ความคุ้มครองทางด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการประดิษฐ์คิดค้นหรือการออกแบบ เพื่อให้ได้สิ่งของ,เครื่องใช้หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่เราใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวัน หลังจากประเทศไทยออกกฎหมายพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ.2522 สิทธิบัตรฉบับแรกของประเทศไทยได้ออกให้กับ นายจรัส ภู่ผลทาน เป็นคนแรกที่ยื่นคำขอสิทธิบัตรกับสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่า "ไม้จิ้มฟัน"
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2522 นายจำรัส ภู่ผลทาน ยึ่นคำขอสิทธิบัตรเลขที่ 7902000003 ได้รับหนังสือสิทธิบัตรออกให้ ณ วันที่ 14 ธันวาคม 2524ใช้ชื่อทางธุรกิจว่า "จรัสธุรกิจ" ที่อยู่ เลขที่161 ถนนพระปกเกล้า ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ มีเนื้อความในหนังสือยื่นคำขอจดสิทธิบัตรดังนี้
คำพรรณนาแบบผลิตภัณฑ์
“ไม้จิ้มฟันที่มีใช้ในท้องตลาดส่วนมากเป็นไม้เนื้ออ่อน เปราะและหักง่าย มีบ้างที่แข็งแบบกลมปลายแหลม เมื่อใช้กลายเป็นลักษณะลิ่ม จึงทำให้ฟันห่าง ปกติเคยใช้สิ่งอื่นแทน เช่น ก้านธูป ไม้กลัด ตอก ฉีกให้เล็กและบางตามต้องการ ใช้ได้ดี เพราะเป็นไม้ไผ่
จึงออกแบบใช้ไม้ไผ่หลาวกลม ๆ ขนาดไม่เกิน 2 มิลลิเมตร ความยาวไม่เกิน 6 เซ็นติเมตร ประมาณครึ่งหนึ่งไว้เป็นด้ามถือเหมาะมือ อีกประมาณครึ่งหนึ่งฝานสองข้างให้เหลืออยู่กลางบาง ๆ พอให้เข้าซอกฟันได้ แต่ก็ไม่หักง่ายเพราะเป็นไม้ไผ่ มีความเหนียว มีสปริงตัว และโค้งเข้าซอกฟันกรามได้เป็นอย่างดี จะให้ดียิ่งขึ้นก็ใช้ไม้ที่มีอายุแก่พอดี
วัตถุดิบ ก็มีมากในประเทศไทย เป็นไม้ขึ้นง่ายโตเร็ว
การผลิต จะใช้ชาวชนบท ที่มีความชำนาญการจักรตอกก็ได้ ถ้าจะให้ประณีตยิ่งขึ้น ก็ประดิษฐ์เครื่องมือหลาวกลม ตัดท่อน และมีดฝาน ที่ยังไม่จำเป็นต้องใช้กระแสไฟและน้ำมันก็ได้ ถ้ามีแรงงานในชนบทมากพอจะช่วยชาวชนบทก่อน
ความต้องการ เป็นไม้ที่ดีและประณีตดีเกิน ดังบทความตอนท้ายอีก 2 แผ่น เรื่อง ไม้จิ้มฟัน "ไผ่ไทย" เชียงใหม่ โดย นายจรัส ภู่ผลทาน จึงแน่ใจได้
แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเมื่อทำการผลิตและออกวางจำหน่ายไม่ได้รับความนิยมทำให้ต้องเลิกการผลิตไปในที่สุด”
ขอขอบพระคุณข้อมูลจาก
th.wikipedia.org
www.mythland.org
www.youtube.com
Volwar- Webmaster
- จำนวนข้อความ : 572
คะแนน : 770
คะแนนชื่อเสียง : 14
Join date : 23/01/2010
Age : 30
ที่อยู่ : ถนนเจริญยาก ถนนไม่มีรถเมล์ กทม.
ฮัมเพลงตอนแปรงฟันช่วยทำให้ฟันสะอาด
ระหว่างแปรงฟันถ้าฮัมเพลงด้วยไปจนจบจะทำให้ฟันสะอาดขึ้น 2 เท่า ซึ่งอันนี้เจ้าของกระทู้ก็ ไม่ทราบเหมือนกันว่ามันเกี่ยวกับอะไร แต่คงอาจเป็นเพราะว่ามันทำให้เราแปรงฟันเพลิน จนแปรงฟันได้นานมากขึ้น
จาก
gunnerthailand.com
จาก
gunnerthailand.com
Volwar- Webmaster
- จำนวนข้อความ : 572
คะแนน : 770
คะแนนชื่อเสียง : 14
Join date : 23/01/2010
Age : 30
ที่อยู่ : ถนนเจริญยาก ถนนไม่มีรถเมล์ กทม.
Re: ประวัติศาสตร์สุขภาพฟัน
อืมทำเเล้วก็เพลินๆ ดีอ่ะนะ
เเต่ว่า ข้อควรระวังอย่างยิ่งคือ แปรงสีฟันทิ่มเหงือก จนเลือดออก TT
ปล. เผลอแปรงเพลินไปหน่อยแรงไปด้วย เราได้บทเรียนเเล้วล่ะ TT
ระวังด้วยนะจร่ะ
เเต่ว่า ข้อควรระวังอย่างยิ่งคือ แปรงสีฟันทิ่มเหงือก จนเลือดออก TT
ปล. เผลอแปรงเพลินไปหน่อยแรงไปด้วย เราได้บทเรียนเเล้วล่ะ TT
ระวังด้วยนะจร่ะ
Tabutuba- B Class
- จำนวนข้อความ : 155
คะแนน : 195
คะแนนชื่อเสียง : 29
Join date : 07/01/2011
Age : 26
ที่อยู่ : kkw Band
หมากฝรั่งเคี้ยวมากอาจทำให้ฟันผุ
เนื่องจากหมากฝรั่งมีน้ำตาลมาก เมื่อเราเคี้ยวหมากฝรั่งจะเป็นการให้อาหารกับแบคทีเรียในช่องปาก นอกจากนี้หากเคี้ยวในช่วงท้องว่าง จะทำให้รู้สึกอาเจียน เวียนหัว กระเพราะติดเชื้อและกระเพราะอักเสบได้ง่าย ถ้าต้องเคี้ยวหมากฝรั่งหลังอาหารนั้น ก็ไม่ควรเคี้ยวเกิน 20 นาที เพราะจะทำให้น้ำย่อยที่หลั่งออกมาจากการเคี้ยวนั้นทำลายเยื่อบุกระเพราะอาหารได้ ดังนั้นไม่ควรเคี้ยวหมากฝรั่งเกินวันละ 3 ครั้ง
ขอขอบพระคุณข้อมูลจาก
หนังสือชวนรู้เรื่องสุขภาพ
th.wikipedia.org
แก้ไขล่าสุดโดย Volwar เมื่อ Tue Nov 15, 2011 7:53 am, ทั้งหมด 2 ครั้ง (Reason for editing : แก้ไขรูปภาพ)
Volwar- Webmaster
- จำนวนข้อความ : 572
คะแนน : 770
คะแนนชื่อเสียง : 14
Join date : 23/01/2010
Age : 30
ที่อยู่ : ถนนเจริญยาก ถนนไม่มีรถเมล์ กทม.
Re: ประวัติศาสตร์สุขภาพฟัน
โอ้หมากฝรั่งเเสนหวาน
ก็มีโทษอันตรายนะนิ
ก็มีโทษอันตรายนะนิ
Tabutuba- B Class
- จำนวนข้อความ : 155
คะแนน : 195
คะแนนชื่อเสียง : 29
Join date : 07/01/2011
Age : 26
ที่อยู่ : kkw Band
Re: ประวัติศาสตร์สุขภาพฟัน
ไม่เกิน 20 นาที =[]="
อ้ากก มีวันนึงเคี้ยวตั้งสองชั่วโมง llorz
[ทำได้ไง = =']
อ้ากก มีวันนึงเคี้ยวตั้งสองชั่วโมง llorz
[ทำได้ไง = =']
แคะฟันบ่อยๆ ใช่ว่าจะดีต่อสุขภาพ
หากแคะฟันทุกวันหรือแคะฟันผิดวิธี จะทำให้ช่องว่างระหว่างฟันห่างขึ้นหรือเหงือกมีปัญหา และในไม้จิ้มฟันมักจะมีเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ทำให้เชื้อเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายและเป็นโรคต่างๆ ได้ง่าย
จาก
หนังสือชวนรู้เรื่องสุขภาพ
Volwar- Webmaster
- จำนวนข้อความ : 572
คะแนน : 770
คะแนนชื่อเสียง : 14
Join date : 23/01/2010
Age : 30
ที่อยู่ : ถนนเจริญยาก ถนนไม่มีรถเมล์ กทม.
Re: ประวัติศาสตร์สุขภาพฟัน
เหอๆ เเคะมากๆกลัวฟันหลุดนะนิ
Tabutuba- B Class
- จำนวนข้อความ : 155
คะแนน : 195
คะแนนชื่อเสียง : 29
Join date : 07/01/2011
Age : 26
ที่อยู่ : kkw Band
แปรงสีฟันยาสีฟัน ควรเปลี่ยนบ่อยๆ
โรคฟันผุเป็นโรคที่มีผู้ป่วยมากที่สุดในโลก การที่เราใช้แปรงสีฟันและยาสีฟันชนิดเดียวกันนานๆ ทำให้เราแบคทีเรียในปากเพิ่มขึ้นได้ก่อนอื่นเราควรจัดการกับแปรงสีฟันและยาสีฟันดังนี้
แปรงสีฟัน
ควรเปลี่ยนทุกๆ 1 เดือน เพราะว่าหากใช้นานๆ จะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและทางที่ดีควร แบ่งแปรงสีฟันสำหรับรอบเช้าและรอบค่ำไว้ด้วย อย่างตอนเช้าใช้แปรงสีฟ้า ตอนค่ำใช้แปรงสีเขียว ไม่ควรนำแปรงสีฟันไว้ในห้องน้ำ ควรนำออกมาข้างนอกห้องน้ำ และควรล้างแปรงสีฟันไว้ด้วยน้ำสะอาด
ยาสีฟัน
เนื่องจากว่ายาสีฟันมีส่วนผสมของแป้ง ทำให้ฟันผุได้และมีส่วนผสมของยาที่มีฤทธิ์สั้นๆ เราควรเปลี่ยนยาสีฟันบ่อยๆ ไม่ควรใช้ยี่ห้อเดิมแบบเดิมนานๆ เพราะว่าแบคทีเรียในช่องปากจะดื้อยาควรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่สามารถกลับมาใช้ยี่ห้อเดิมได้หากไม่ได้ใช้ยี่ห้อนั้นนานแล้วหลายเดือน
อ้างอิงจาก
หนังสือชวนรู้เรื่องสุขภาพ
รายการเรื่องจริงผ่านจอตอนภัยแปรงสีฟัน
แปรงสีฟัน
ควรเปลี่ยนทุกๆ 1 เดือน เพราะว่าหากใช้นานๆ จะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและทางที่ดีควร แบ่งแปรงสีฟันสำหรับรอบเช้าและรอบค่ำไว้ด้วย อย่างตอนเช้าใช้แปรงสีฟ้า ตอนค่ำใช้แปรงสีเขียว ไม่ควรนำแปรงสีฟันไว้ในห้องน้ำ ควรนำออกมาข้างนอกห้องน้ำ และควรล้างแปรงสีฟันไว้ด้วยน้ำสะอาด
ยาสีฟัน
เนื่องจากว่ายาสีฟันมีส่วนผสมของแป้ง ทำให้ฟันผุได้และมีส่วนผสมของยาที่มีฤทธิ์สั้นๆ เราควรเปลี่ยนยาสีฟันบ่อยๆ ไม่ควรใช้ยี่ห้อเดิมแบบเดิมนานๆ เพราะว่าแบคทีเรียในช่องปากจะดื้อยาควรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่สามารถกลับมาใช้ยี่ห้อเดิมได้หากไม่ได้ใช้ยี่ห้อนั้นนานแล้วหลายเดือน
อ้างอิงจาก
หนังสือชวนรู้เรื่องสุขภาพ
รายการเรื่องจริงผ่านจอตอนภัยแปรงสีฟัน
Volwar- Webmaster
- จำนวนข้อความ : 572
คะแนน : 770
คะแนนชื่อเสียง : 14
Join date : 23/01/2010
Age : 30
ที่อยู่ : ถนนเจริญยาก ถนนไม่มีรถเมล์ กทม.
10 อันดับสิ่งเหลือเชื่อที่ผสมอยู่ในยาสีฟัน (ทำให้เราทราบอีกว่าเราไม่ควรกลืนกินยาสีฟัน)
10. ฟอร์มาลีน (Formaldehyde)
ฟอร์มาลีน หรือ ฟอร์มาลดีไฮด์ เป็นสารไร้สีกลิ่นแรงใช้ทำยาฆ่าเชื้อและยากันเน่า ที่เรามักรู้จักสารนี้ในการใช้สำหรับดองศพเพื่อไม่ให้ศพเน่าเปื่อย ใช้ฆ่าเชื้อโรค ฆ่าเชื้อรา และทำความสะอาดห้องคนป่วย โดยฟอร์มาลีนเป็นส่วนประกอบของยาสีฟัน นอกจากนี้ยังมี ยาบ้วนปาก สบู่ ครีมโกนหนวด เนื่องจากมันมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อโรคแบคทีเรียเล็กๆ ในช่องปาก แต่ความเข้มข้นที่ต่ำมาก แต่กระนั้นอันตรายจากฟอร์มาลีนจากยาสีฟันก็ยังคงมีอยู่คือหากกินมากเกินไป
9. สารที่ทำให้เกิดฟอง (Detergent)
สารทำให้เกิดฟอง หรือผงซักฟอก เป็นผงที่มีลักษณะเป็นผง เม็ดเล็กๆหรือเกล็ด อัดขึ้นรูป กึ่งแข็งกึ่งเหลว แท่ง หรือลักษณะอื่น ผงซักฟอก เป็นสารซักล้างที่ผลิตขึ้นมาใช้แทนสบู่ ในมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสารลดแรงตึงเพื่อให้เกิดฟองช่วยทำความสะอาดได้ อย่างมีประสิทธิภาพ หากแต่สารบางชนิดอาจมีผลทำให้เยื่อบุปากเกิดอาการแพ้และหากคุณกลืนสารนี้มาก เกินไปอาจมีผลต่อกระเพาะอาหาร ปัจจุบันยาสีฟันส่วนมากไม่ทำให้เกิดฟองมากเหมือนเมื่อก่อน เนื่องจากมีการใช้สารลดความตึงผิวที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยขึ้น
8. สาหร่ายทะเล
สารคาราจีแนนที่อยู่ในยาสีฟันนั้นมาจากสาหร่ายทะเล สารนี้ทำให้ส่วนผสมนี้เกาะตัวกันข้นเหนียว ทำให้เกิดความลื่นไหลและยืดขยายเป็นเจลเข้าปาก ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์หลายชนิดนำสาหร่ายมาใส่ในยาสีฟันเพื่อคุณสมบัติต่างๆ เช่นสาหร่ายไดอะตอมซึ่งเป็นส่วนผสมของยาสีฟันช่วยขัดฟันให้ขาว สาหร่ายสไปรูลิน่าช่วยให้ฟันแข็งแรง
7. น้ำมันสะระแหน่ (Peppermint Oil)
น้ำมันสะระแหน่ได้มาจากการสกัดน้ำมันจากสาระแหน่โดยวิธีกลั่นด้วยไอน้ำ โดยน้ำมันที่ได้จากการสกัดนี้ใช้อย่างกว้างขวางในอาหาร ยา เครื่องสำอาง ซึ่งยาสีฟันนั้นก็มีการเติมน้ำมันสกัดนี้เพื่อทำให้ มีรสหวานทำให้ยาสีฟันมีรสชาติดีขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้เกิดกลิ่นหอมเย็น เมื่อสูดดมทำให้โล่งจมูกรู้สึกสดชื่น อีกครั้งยังช่วยฆ่าเชื้อโรค ส่วนอันตรายจากน้ำมันสาระแหน่ก็คือทำให้ระคายเคืองผิวหนัง และชีพจรปั่นป่วนหากรับประทาน ดังนั้นหลายยี่ห้อมักใส่ในปริมาณความเข้มข้นต่ำ
6. พาราฟิน (Paraffin)
พาราฟิน หรือ เคโรซีน เป็นผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมซึ่งกลั่นแยกออกจากน้ำมันดิบ จุดหลอมเหลวประมาณ 47-64 องศาเซลเซียส จุดเดือดประมาณ 150-275 องศาเซลเซียส ไม่ละลายในน้ำ สามารถใช้ประโยชน์ได้มากมาย และ มีหลายสถานะด้วยกัน เช่น แก๊ส ของเหลว ของแข็ง โดยประโยชน์ของมันมีหลายอย่าง เช่น แบบก๊าซใช้ทำเชื้อเพลิง ของเหลวใช้เป็นยารักษาโรค โดยสารนี้เป็นส่วนหนึ่งของส่วนประกอบของยาสีฟันที่มีคุณสมบัติใช้ทำเทียนไข ช่วยในการเคลือบผิว เพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยขจัดคราบสกปรก โดยหากกลืนสารนี้ไปอาจเกิดอาการปวดท้องคลื่นไส้อาเจียนและท้องผูกอย่าง รุนแรง
5. กลีเซอรีนไกลคอล (Glycerine Glycol)
กลีเซอรีนไกลคอลเป็นแอลกอฮอล์ที่มีคาร์บอน 3 ตัว มีลักษณะเป็นสารอินทรีย์ที่เป็นน้ำเหนียวไร้สีและไร้กลิ่น เป็นส่วนประกอบของยาสีฟัน(น้ำยาบ้วนปาก, การดูแลผิว, ผลิตภัณฑ์ครีมโกนหนวด, ดูแลเส้นผม, สบู่, น้ำมันหล่อลื่นของสงวน)เพื่อไม่ให้แห้งมากเกินไปและช่วยให้เกิดการหล่อลื่น แม้ว่าสารนี้เป็นเพียงสารแต่งเติมที่ไม่มีอันตรายในยาสีฟัน แต่มันทำให้เกิดอาการคลื่นไส้เมื่อเรากลืนยาสีฟันเข้าไป
4. ชอล์ก
ส่วนที่เป็นสีขาวของยาสีฟันมีส่วนผสมหลักทำจากผงชอล์กบดละเอียด (แคลเซียม คาร์บอเนต) ที่ทำมาจาก exoskeletons ซึ่งผงชอล์กนั้นเป็นส่วนประกอบของยาสีฟันมาช้านานแล้วในรูปแบบผง(นอกจากนี้ ยังมีผงอิฐ ผงถ่าน เกลือ) เนื่องจากผงชอล์กมีส่วนประกอบจากแคลเซียมและหินปูน การสูดดมในระยะยาวจะทำให้มีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ เกิดการระคายเคือง หลอดลมอักเสบ
3. สารกันแดด (ไททาเนียมไดออกไซด์-Titanium Dioxide)
สารนี้เป็นสารเก่าแก่ชนิดหนึ่งเท่าๆกับโลกของเรา และเป็นหนึ่งใน 50ชนิดของสารที่ผลิตมากที่สุดทั่วโลก ลักษณะโดยทั่วไปมีสีขาว นอกเหนือจากใช้เป็นส่วนประกอบของยาสีฟันแล้ว มันยังใช้งานได้หลากหลายเนื่องจากมันไม่มีกลิ่นและมีความสามารถในการดูดซับ ทำให้มีหลายผลิตภัณฑ์ใช้สารนี้เป็นส่วนผสม เช่น สีทาบ้านไปถึงอาหารและเครื่องสำอาง และสารนี้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มของสารสีที่ปลอดภัย ไม่ก่อมะเร็ง ไม่ก่อให้เกิดกลายพันธุ์ ไม่เป็นอันตรายต่อหญิงมีครรภ์ ไม่มีพิษ หากแต่เราก็ไม่ไว้ใจกับสารนี้อยู่ดี
2. สารให้ความหวาน หรือ ขัณฑสกร (ซัคคาริน-Saccharin)
ในประเทศไทยห้ามใส่ในขนมหรืออาหาร แต่มันเป็นส่วนประกอบของยาสีฟันเพื่อให้เกิดความหวาน เป็นสารเคมีให้ความหวานที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นโดยบังเอิญ ครั้งแรกเมื่อ ปี ค.ศ.1879 ปัจจุบันสถานะของขัณฑสกรถือว่าปลอดภัย แต่ผู้บริโภคหลายกลุ่มยังไม่มั่นใจนัก เพราะอดีตขัณฑสกรถูกงดใช้ไปหลายครั้ง (อเมริกาพยายามห้ามใช้สารนี้เมื่อปี 1972) นอกจากนี้ขัณฑสกรยังมีรสชาติขมในคอหลังจากกลืนแล้ว โดยเฉพาะเมื่อใช้ในปริมาณที่สูง
1. เมนทอล หรือ การบูร
ทำให้รู้สึกเย็นในช่องปาก เป็นมีลักษณะเป็นผลึกใส ไม่มีสี รูปเข็ม ได้จากการสกัดน้ำมันหอมระเหยของต้นไม้บางชนิดเช่น Mentha piperita และ Mentha arvensis หรืออาจได้จากการสังเคราะห์ นิยมใช้เป็นสารแต่งกลิ่นรสในยารับประทาน ยาอม ใช้บรรเทาอาการคัดจมูกหรือหายใจไม่สะดวกในยาสูดดมต่างๆ ในตำรับยาขี้ผึ้ง ครีม หรือเจลใช้ดับกลิ่น หรือทำให้รู้สึกเย็นสบาย หากกลืนหรือกินเข้าไปปริมาณเล็กน้อยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ถ้ากลืนหรือกินเข้าไปจำนวนมากอาจเป็นอันตรายได้
* รู้สึกว่าอันที่ปลอดภัยที่สุดคือสาหร่ายทะเลนี่ล่ะ
จาก
www.toptenthailand.com
ภาพประกอบจาก
chococat1992.blogspot.com
mythland.org
sweetadditions.net
www.dek-d.com
www.fisheries.go.th
www.herbalnitro.com
www.toptenthailand.com
www.google.co.th
wikipedia.org
แก้ไขล่าสุดโดย Volwar เมื่อ Tue Nov 15, 2011 7:59 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง
Volwar- Webmaster
- จำนวนข้อความ : 572
คะแนน : 770
คะแนนชื่อเสียง : 14
Join date : 23/01/2010
Age : 30
ที่อยู่ : ถนนเจริญยาก ถนนไม่มีรถเมล์ กทม.
Re: ประวัติศาสตร์สุขภาพฟัน
เอ่อ....ท่านประทานเหมาคะ..... นี่ท่านเล่นไม่แปรงฟันตลอดชีวิตเหรอคะ
เอ...หรือว่าบ้านของท่านเหมาไม่มีแปรงสีฟันหว่า
เอ...หรือว่าบ้านของท่านเหมาไม่มีแปรงสีฟันหว่า
shinbayan- F Class
- จำนวนข้อความ : 2
คะแนน : 3
คะแนนชื่อเสียง : 1
Join date : 14/11/2011
Age : 34
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Wed Feb 19, 2014 8:13 pm by chrysella
» 99วันกับการติวสอบเข้ามหาวิทยาลัย เริ่มวันที่4กรกฎาคม
Sun Jul 08, 2012 12:28 am by IceDraGon
» วัฒนธรรมและชาวต่างชาติในสยาม
Mon Jun 25, 2012 9:40 pm by Tabutuba
» Offering online casino
Sun Jun 10, 2012 2:35 pm by aimhang555
» รวมคลิปเด็ดๆ
Mon Jan 09, 2012 9:53 pm by Volwar
» ข้อมูลโลกของเราและประวัติศาสตร์โลก
Tue Dec 27, 2011 10:25 am by Volwar
» กระทู้รวมแบบทดสอบทายใจ
Sun Dec 25, 2011 9:26 am by Volwar
» กระทู้สุขสันต์วันเกิด
Fri Dec 16, 2011 7:12 pm by Volwar
» รวมภาพแปลกๆ
Wed Dec 14, 2011 7:43 pm by Volwar