วัฒนธรรมและชาวต่างชาติในสยาม
+3
Tabutuba
*!!~AlFeiLai~!!*
Volwar
7 posters
หน้า 6 จาก 6
หน้า 6 จาก 6 • 1, 2, 3, 4, 5, 6
Re: วัฒนธรรมและชาวต่างชาติในสยาม
อ้อเพิ่งรู้ความหมายของคำว่าถมลายนะเนี่ย ที่เเท้เป็นอย่างนี้เองเหรอ
ก็ได้เรียนอ่ะนะเเต่ก็สงสัยเหมือนกันว่าถมลายเป็นอย่างไรเเต่ไม่กล้ายกมือถามครูอ่ะ
ก็ได้เรียนอ่ะนะเเต่ก็สงสัยเหมือนกันว่าถมลายเป็นอย่างไรเเต่ไม่กล้ายกมือถามครูอ่ะ
Tabutuba- B Class
- จำนวนข้อความ : 155
คะแนน : 195
คะแนนชื่อเสียง : 29
Join date : 07/01/2011
Age : 26
ที่อยู่ : kkw Band
นาฬิกาสิ่งที่ผู้คนในสมัยกรุงศรีอยุธยาไว้ดูเวลา
ประวัตินาฬิกาทั่วไปก่อน
ในสมัยดึกดำบรรพ์ผู้คนใช้นาฬิกาแดดดูเวลา ในสมัยโบราณมีนาฬิกาน้ำ ส่วนนาฬิกาแบบลักษณะปัจจุบัน พัฒนาขึ้นช่วง คริสต์ศตวรรษที่ 11-13 ในยุโรป ส่วนคำว่า clock นั้นมาจากภาษาละตินว่า clocca ที่แปลว่า ระฆัง อาศัยหลักการดึงดูดก่อให้เกิดน้ำหนักที่จะเคลื่อนคันบังคับ ซึ่งจะทำให้เข็มนาฬิกาเคลื่อนที่
ประวัตินาฬิกาในสยาม
ในอดีตชาวสยามดูเวลาก็ใช้กะลาเจาะรูเป็นนาฬิกาน้ำ นาฬิกาถูกนำเข้ามาในสยามครั้งแรกในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ราชวงศ์ปราสาททอง แห่งกรุงศรีอยุธยานู่นแน่ะ ซึ่งทางฝรั่งเศสได้ส่งมอบนาฬิกาเป็นของขวัญเจริญสัมพันธไมตรีมาให้ อาจเรียกได้ว่าสมเด็จพระนารายณ์มหาราชคือคนไทยคนแรกที่ได้ครอบครองนาฬิกาเรือนแรกในสยาม นอกจานี้เจ้าพระยาวิชาเยนทร์และท้าวทองกีบม้ายังได้รับนาฬิกาอีกด้วย นอกจากนี้สมเด็จพระนารายณ์มหาราชยังเป็นผู้ริเริ่มใช้คำว่า “นาฬิกา” แรกอีกด้วย แต่ทว่าพอหมดรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์หาราชแล้ว สมเด็จพระเพทราชา ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวงทรงเกลียดชังชาวต่างชาติ ดังนั้นนาฬิกาจึงหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ชาติสยามจนถึงสมัย ร.5 จึงมีการนำเข้านาฬิกาจากชาติตะวันตกอีกครั้งหนึ่ง
ขอขอบพระคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
หนังสือรอบรู้รอบโลก ของสำนักพิมพ์ธารบัวแก้ว
หนังสือเล่มสีฟ้าของสารสาสน์เล่มแรกๆ เลยที่ออกมาตอน ประมาณปี พ.ศ. 2546
en.wikipedia.org
www3.ipst.ac.th
www.expert-watch.com
www.lib.ru.ac.th
www.siamsouth.com
www.youtube.com
Volwar- Webmaster
- จำนวนข้อความ : 572
คะแนน : 770
คะแนนชื่อเสียง : 14
Join date : 23/01/2010
Age : 30
ที่อยู่ : ถนนเจริญยาก ถนนไม่มีรถเมล์ กทม.
Re: วัฒนธรรมและชาวต่างชาติในสยาม
โอ้สมัยอยุธยามีนาฬิกาด้วยเหรอนี่
เเต่เพลงนาฬิกาก็เพราะเหมือนกันนะ
เเต่เพลงนาฬิกาก็เพราะเหมือนกันนะ
Tabutuba- B Class
- จำนวนข้อความ : 155
คะแนน : 195
คะแนนชื่อเสียง : 29
Join date : 07/01/2011
Age : 26
ที่อยู่ : kkw Band
ลายน้ำทอง ลายเบญจรงค์ที่มีสีทอง
ประวัติ
เครื่องเคลือบลายน้ำทองเป็นเครื่องเคลือบที่ถือกำเนิดขึ้นในประเทศจีน สมัยราชวงศ์ชิง (ประมาณปลายรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง-สมัย ร.5) แต่เป็นที่นิยมกันมากในรัชสมัยฮ่องเต้เฉียนหลง และรัชสมัยฮ่องเต้เจี่ยชิ่ง เครื่องเคลือบชนิดนี้เขียนลวดลายบนภาชนะด้วยวิธีลงยา แต่ลงพื้นบนภาชนะด้วยสีทองที่ทำจากทองคำ ก่อนเขียนลวดลายตกแต่ง สยามได้สั่งทำเครื่องเคลือบลายน้ำทองโดยกำหนดรูปแบบและลวดลายส่งไปทำในจีนเช่นเดียวกับเครื่องเคลือบเบญจรงค์ ส่วนใหญ่สั่งเข้ามาในสมัยรัตนโกสินทร์ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ร.1 สมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ พระบรมราชินีได้ทรงสั่งเครื่องเคลือบลายน้ำทองจากจีนเข้ามาใช้ในราชสำนัก มีลวดลายที่ประดิษฐ์ใหม่หลายแบบ ส่งไปให้ช่างจีนทำขึ้นในครั้งนั้น ความนิยมสั่งเครื่องเคลือบลายน้ำทองจากจีน มีมาจนถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.3 แต่มักนิยมให้เขียนลวดลายแบบจีน จนถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.5 ความนิยมเครื่องเคลือบลายน้ำทองจึงลดลง หันไปสั่งเครื่องเคลือบลายคราม เข้ามาแทนที่
จาก
www.sanook.com
www.thaitambon.com
Volwar- Webmaster
- จำนวนข้อความ : 572
คะแนน : 770
คะแนนชื่อเสียง : 14
Join date : 23/01/2010
Age : 30
ที่อยู่ : ถนนเจริญยาก ถนนไม่มีรถเมล์ กทม.
ฟุตบอลกีฬาที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลก
ภาพกีฬาฮาร์ปาสตัมของกรีก
ประฟุตบอลสากล
ฟุตบอล เป็นกีฬาที่มีผู้สนใจที่จะชมการแข่งขันและเข้าร่วมเล่น มากที่สุดในโลก ชนชาติใดเป็นผู้กำเนิดกีฬาชนิดนี้อย่างแท้จริงนั้นไม่อาจจะยืนยันได้แน่นอน เพราะว่าแต่ละชนชาติต่างยืนยันว่าเกิดจากประเทศของตน แต่ในประเทศฝรั่งเศสและประเทศอิตาลี ได้มีการละเล่นชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "ซูเลอ" (Soule) หรือจิโอโค เดล คาซิโอ (Gioco Del Calcio) มีลักษณะการเล่นที่คล้ายคลึงกับกีฬาฟุตบอลในปัจจุบัน ทั้งสองประเทศอาจจะถกเถียงกันว่ากีฬาฟุตบอลถือกำเนิดจากประเทศของตน อันเป็นการหาข้อยุติไม่ได้ เพราะขาดหลักฐานยืนยันอย่างแท้จริง ดังนั้น ประวัติของกีฬาฟุตบอลที่มีหลักฐานที่แท้จริงสามารถจะอ้างอิงได้ เพราะการเล่นที่มี ีกติการการแข่งขันที่แน่นอน คือประเทศอังกฤษเพราะประเทศอังกฤษตั้งสมาคมฟุตบอล ในปี พ.ศ. 2406 และฟุตบอลอาชีพของอังกฤษเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2431 วิวัฒนาการด้านฟุตบอลจะเป็นไปพร้อมกับความเจริญก้าวหน้าของมนุษย์ตลอดมา ต้นกำเนิดกีฬาตะวันออกไกลจะได้รับอิทธิพลมาจากสงครามครั้งสำคัญๆ เช่น สงครามพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ได้นำเอา "แกลโล-โรมัน" (Gello-Roman) พร้อมกีฬาต่างๆ เข้ามาสู่เมืองกอล (Gaul) อันเป็นรากฐานส่วนหนึ่งของกีฬาฟุตบอลในอนาคต และการเล่นฮาร์ปาสตัม (Harpastum) ได้ถูกดัดแปลงมาเป็นกีฬาซูเลอ ในกรุงโรม ความเจริญของตะวันออกไกลได้แผ่ขยายถึงตะวันออกกลางโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากอิทธิพลของสงคราม โดยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช การเล่นกีฬาชนิดหนึ่งเรียกว่า ฮาร์ปาสตัม เป็นกีฬาที่นิยมของชาวโรมันและชาวกรีกโบราณวิธีการเล่นคือ มีประตูคนละข้าง แล้วเตะลูกบอลไปยังจุดหมายที่ต้องการ เช่น จากหมู่บ้านหนึ่งไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง การเล่นจะเป็นการเตะ หรือการขว้างไปข้างหน้าฮาร์ปาสตัม หมายถึงการเหวี่ยงไปข้างหน้า การเล่นกีฬาฮาร์ปาสตัมในกรุงโรมดูเหมือนจะเป็นต้นกำเนิดของกีฬาซึ่งมีการเล่นในสมัยยุคกลาง ในการเล่นฮาร์ปาสตัม ขนาดของสนามจะเล็กกว่าสนามกีฬาซูเลอ แต่จุดประสงค์ของกีฬาทั้งสองคือ การนำลูกบอล ไปยังแดนของตน แต่เนื่องจากมีเสียงอึกทึกโครมครามจากการวิ่งแย่งลูกบอล ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้มากมาย อันเป็นข้อห้ามของพระเจ้า จึงมีพระบรมราชโองการในนามของพระเจ้าแผ่นดินห้ามเล่นกีฬาดังกล่าวในเมือง ผู้ฝ่าฝืนมีโทษถึงจำคุก นอกจากนี้ยังมีข้อห้ามซึ่งออกในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.1892 ขอให้เล่นยิงธนูในวันฉลองต่าง ๆ แทนการเล่นเกมฟุตบอล ส่วนในจีนนั้นขงจื้อได้กล่าวไว้ในหนังสือ "กังฟู" เกี่ยวกับกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬาที่ใช้เท้าและศีรษะในสมัยจักรพรรดิ เซิงติ (ปี 32 ก่อนค.ศ.) มีการเล่นกีฬาที่คล้ายกับฟุตบอลซึ่งเรียกว่า"ซือ-ซู" (Tsu-Chu) ซึ่งหมายถึงการเตะลูกหนังด้วยเท้า กีฬาชนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ซึ่งนักประพันธ์และนักประวัติศาสตร์ในสมัยนั้นได้ยกย่องผู้เล่นที่มีชื่อเสียงให้เป็นวีรบุรุษของชาติ และในสมัยเดียวกันได้มีการเล่นคล้ายฟุตบอลในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
ภาพกีฬาซือ-ซู ของจีนในสมัยโบราณ
ประวัติฟุตบอลในสยาม
กีฬาฟุตบอลในประเทศไทย ได้มีการเล่นตั้งแต่สมัย "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสิทร์ เนื่องจากสมัยรัชกาลที่ 5 พระองค์ได้ส่งพระเจ้าลูกยาเธอ พระเจ้าหลานยาเธอ และข้าราชบริพารไปศึกษาวิชาการด้านต่างๆ ที่ประเทศอังกฤษ และผู้ที่นำกีฬาฟุตบอลกลับมายังประเทศไทยเป็นคนแรกคือ "เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา)" หรือ ที่ประชนชาวไทยมักเรียกชื่อสั้นๆว่า "ครูเทพ" ซึ่งท่านได้แต่งเพลงกราวกีฬาที่พร้อมไปด้วยเรื่องน้ำใจนักกีฬาอย่างแท้จริง เชื่อกันว่าเพลงกราวกีฬาที่ครูเทพแต่งไว้นี้จะต้องเป็น "เพลงอมตะ" และจะต้องคงอยู่คู่ฟ้าไทย เมื่อปี พ.ศ. 2454-2458 ท่านได้ดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดีกระทรวงธรรมการครั้งแรก เมื่อท่านได้นำฟุตบอลเข้ามาเล่นในประเทศไทยได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆมากมาย โดยหลายคนกล่าวว่า ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ไม่เหมาะสมกับประเทศที่มีอากาศร้อน เหมาะสมกับประเทศที่มีอากาศหนาวมากกว่าและเป็นเกมที่ทำให้เกิดอันตรายต่อผู้เล่นและผู้ชมได้ง่าย ซึ่งข้อวิจารณ์ดังกล่าวถ้ามองอย่างผิวเผินอาจคล้อยตามได้ แต่ภายหลังข้อกล่าวหาดังกล่าวก็ได้ค่อยหมดไป จนกระทั่งกลายเป็น กีฬายอดนิยมที่สุดของประชาชนชาวไทยและชาวโลกทั่วทุกมุมโลก
ภาพกีฬาซูเลอ
จาก
expertfootball.com
mx.globedia.com
www.footballnetwork.org
www.sportphet.com
www.youtube.com
คลิปเมื่อนักฟุตบอลดีใจ
คลิปฟุตบอลเทพมาก (อาจเคยดูกันล่ะที่กระทู้รวมคลิป)
Volwar- Webmaster
- จำนวนข้อความ : 572
คะแนน : 770
คะแนนชื่อเสียง : 14
Join date : 23/01/2010
Age : 30
ที่อยู่ : ถนนเจริญยาก ถนนไม่มีรถเมล์ กทม.
มายากลคนเล่นกล
คลิปมายากลแกล้งคน
ประวัติมายากลสากล
มายากลนั้นก่อกำเนิดมานานในยุคก่อนประวัติศาสตร์ มีผู้พบภาพบนผนังถ้ำ เป็นการแสดงกลด้วยถ้วย 3 ใบและยังพบบันทึกเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับมายากลเป็นจำนวนมากกระจัดกระจายตามประเทศต่างๆ ทั่วโลก เช่น อียิปต์ กรีซโบราณ จีน ฯลฯ
ประวัติมายากลในสยาม
ในประวัติศาสตร์สยามในอดีตมีเรื่องราวของอภินิหาร คาถาอาคม เช่น แทงลิ้น ล่องหนหายตัว ตาทิพย์ หูทิพย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่สรุปไม่ได้ว่าเป็นวิทยากลหรือไสยศาสตร์ เพราะในอดีตการปกครองต่างๆ ยังเป็นระบบศักดินา เจ้าขุนมูลนาย ระบบทาสและไพร่ ซึ่งการจะให้บริวารอยู่ในอาณัติ ง่ายต่อการปกครองต้องทำให้คนเหล่านั้นเชื่อถือและเกรงกลัวในเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์เป็นเบื้องแรก ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแม้มีการกล่าวถึงเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ซึ่งเป็นราชทูตเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศสว่า เมื่อเดินทางไปถึงได้ใช้มือเปล่ารูดใบมะขามมาเสกเป่าให้กลายเป็นตัวต่อตัวแตน บินไล่ต่อยชาวฝรั่งเศสจนกระจัดกระเจิง ซึ่งออกจะฟังดูเหลือเชื่อ แต่ด้วยเหตุผลทางการเมืองจึงต้องบันทึกไว้เช่นนั้น นอกจากนี้มายากลก็ยังมีการกล่าวถึงในวรรณคดีไทย คือในหนังสือนิทานเรื่องศรีธนญชัย ฉบับของ พ. ณ บางพลี เขียนไว้ว่ามีหญิงสาวชาวฝรั่งเดินทางเข้ามาเมืองสยามเปิดการแสดงมายากกล แต่ถูกศรีธนญชัยท้าให้แสดงมายากกลแข่งกัน ว่าใครสามารถปัสสาวะใส่ขวดได้โดยไม่เลอะเทอะ คนนั้นเป็นผู้ชนะ ท้ายสุดแหม่มก็ต้องแพ้กลับไป นอกจากนี้ในเรื่องของมายากลเสกดอกไม้นั้น ชาวฝรั่งเศสนามว่าชื่อ นิโกลาส์ แชรแวส เคยบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ และการเมืองแห่งราชอาณาจักรสยาม เมื่อปี พ.ศ. 2231 ว่า นักแสดงบางคนสามารถแสดงปาฏิหาริย์ให้เกิดดอกไม้ต่างๆ ในกระถางขึ้นได้ ส่วนสมาคมมายากลที่แน่ชัดในสยามนั้น ปรากฏในพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.5 เรื่องนิทราชาคริต ซึ่งทรงนิพนธ์ในช่วงปี พ.ศ.2420 ระบุว่าในเมืองไทยเคยมีสมาคมกลมาก่อน ใช้ชื่อว่า ROYAL MAGICAL SOCIETY แต่เดิมเรียกอ่านกันว่า รอแยล มายิเกมต์ โซไซเอตี หรือ สมาคมนักกลหลวง แต่ทว่าเป็นเรื่องแปลกที่เรื่องราวของ สมาคมนักกลหลวง ได้หายไปไม่มีการบันทึกไว้รัชสมัย ร. 6 ทั้งๆ ที่พระองค์ ท่านก็ทรงเป็นผู้ที่ชื่นชมเรืองราวการแสดงอยู่ไม่น้อย ทำให้มายากลได้หายไปจากประวัติศาสตร์สยามระยะหนึ่ง จนกระทั่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการแสดงกลเข้ามา 3 สายได้แก่ สายอินเดีย จีน และ ยุโรป ในสายอินเดียการแสดงกลมีรูปแบบเป็นกลกลางแปลง เป็นกลที่แสดงในที่โล่ง ไม่มีเวที มีกลยอดนิยมอย่าง อับดุล ซึ่งจะให้ผู้ช่วยซึ่งนอนคลุมหน้าตอบคำถามเวลาที่ชี้ไปในกลุ่มผู้ชมอย่างให้ตอบว่าเป็นชายหรือหญิง ผมสั้นยาวอย่างไร รวมถึงทายเลขและสิ่งของที่ผู้ชมกำไว้ เช่นเดียวกับ กลเสกมะม่วง ซึ่งนำเอาเมล็ดมะม่วงไปปักดิน เอาผ้าคลุมไว้เมื่อเปิดออกแต่ละครั้งต้นมะม่วงก็จะโตขึ้น โตขึ้น กระทั่งเปิดออกครั้งสุดท้ายสามารถตัดผลเอามาให้คนที่มุงดูกินได้สร้างความฮือฮามาก ๆ นอกจากนี้ยังมีกลเรียกงู แทงคนในตะกร้าแสดงร่วมด้วยและทุกครั้งที่แสดงจบจะมีการขายสินค้า ขายยาโดยเฉพาะยาปลูกผม ปลูกหนวด ปลูกคิ้ว เป็นต้น ขณะที่กลของจีนเรียกว่า กลปาหี่ ก่อนแสดงทุกครั้งจะตีกลอง ฉิ่ง ฉาบ รำมวย รำดาบเรียกผู้ชม มีกลที่มีสีสันอย่างยกเก้าอี้ด้วยดวงตา ค้อนปอนด์ทุบก้อนหินซึ่งวางบนหน้าท้องรวมถึงกลเสกหินให้เป็นกบ ฯลฯ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชมและเมื่อแสดงเสร็จแล้วจะขายยา ไม่ว่าจะเป็นยารักษาโรค ยาแก้ปวดฟัน ส่วนกลยุโรปที่เข้ามาเป็นกลที่ไม่เปิดการแสดงเหมือนกลกลางแปลง แต่จะเข้ามาในรูปละครสัตว์มีวิทยากลเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงเท่านั้นและมักเปิดการ แสดงที่ย่าน วังบูรพา วังสราญรมย์ ฯลฯ สื่อออกไปในแนวอิทธิฤทธิ์ เวทมนตร์ แต่ปัจจุบันแนวคิดเหล่านี้เปลี่ยนไปทั้งในต่างประเทศและในไทย ส่วนมายากลในปัจจุบัน ส่วนมามายากลในปัจจุบันก็เริ่มคลี่คลายมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงหลังสงครามโลกเริ่มมีนักแสดงจากต่างประเทศเข้ามาแสดงในเมืองไทยมีทั้งสิงคโปร์ มาเลเซีย ญี่ปุ่นรวมทั้งฟิลิปปินส์ทำให้คนไทยได้เห็นรูปแบบการแสดงวิทยากลในรูปแบบ การแสดงบนเวที ซึ่งนักแสดงจะสวมใส่ชุดทักซิโด้ หยิบกระต่ายออกจากหมวก เสกนก เสกกระต่าย เสกคนลอย เสกช้างหายเครื่องบินมา ฯลฯ สร้างความพิศวงตื่นใจ
ขอขอบพระคุณรูปภาพและข้อมูลจาก
manaotoon.blogspot.com
www.philipmagicschool.com
www.youtube.com
แถมการ์ตูนมายากลอับดุลตามไปดู
http://manaotoon.blogspot.com/2010/01/gt200.html
คลิปตลก 6 ฉาก โจรปล้นนักมายากล
แก้ไขล่าสุดโดย Volwar เมื่อ Wed Aug 31, 2011 7:41 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
Volwar- Webmaster
- จำนวนข้อความ : 572
คะแนน : 770
คะแนนชื่อเสียง : 14
Join date : 23/01/2010
Age : 30
ที่อยู่ : ถนนเจริญยาก ถนนไม่มีรถเมล์ กทม.
บีบอย ระบำชาวเกาะแมนฮัตตัน (นิวยอร์กตั้งอยู่บนเกาะนี้)
ประวัติบีบอยสากล
คำว่า B-Boying นั้นมีรากศัพท์มาจากภาษาของชนชาติแอฟริกัน คือ คำว่า “Boioing” หมายความว่า “ กระโดด, โลดเต้น” และถูกใช้ในแถบ ‘Bronx River’ ในการเรียกรูปแบบการเต้นเบรกกิ้งของกลุ่มชาวบีบอย ตัว B ในคำว่า Bgirl : Bboy นั้นย่อมาจาก Break-Girl : Break-Boy ( บางทีก็หมายถึง Boogie หรือ Bronx) B-Boyingนั้นยังเป็นที่รู้จักในชื่อ “ เบรกกิ้ง” หรือ เบรคแด๊นซ์” (อันหลังได้รับการบัญญัติโดยสื่อมวลชน)Breaking นั้นเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Rocking มาก่อน เป็นการสะท้อนของอิทธิพลจากชนชาวแอฟริกัน อเมริกัน หรือวัฒนธรรมชาวลาตินอเมริกัน ซึ่งมาพร้อมกับการอพยพ และปักฐานที่กรุงนิวยอร์กในช่วงปลายยุค 60 นั่นเอง “เบรกกิ้ง” เป็นการเต้นที่ได้รับอิทธิพลจากการเต้นหลากหลายรูปแบบ ทั้งท่วงท่าจากกีฬายิมนาสติก รวมถึงจากศิลปะการเคลื่อนไหวของโลกตะวันออกอีกด้วย เป็นที่คาดคิดกันว่า เบรคกิ้ง หรือเบรคแด๊นซ์นั้นมีรากฐานมาจาก
คาโปเอร่า หรือ ‘Capoeira’ คำว่า เบรค (Break) นั้นเป็นช่วงของจังหวะดนตรี ที่ดุดันและเร้าใจ ในช่วง จังหวะนี้เหล่านักเต้นจะแสดงอารมณ์ด้วยท่าเต้นที่จะดึงดูดสายตาที่สุดเลยทีเดียว
ประวัติบีบอยในประเทศไทย
ประเทศไทย เริ่มมีการเต้น Breakdance เข้ามาตั้งแต่สมัยช่วงสงครามเวียดนามครั้งที่ประเทศอเมริกา อาศัยประเทศไทยเป็นฐานพักกำลังชั่วคราว คาดว่านะจะเข้ามาจากทหารอเมริกันนำมาเต้นกันในยุคนั้น ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าครั้งแรกของการมี B-boy หรือ Breakdance ที่นี่ แต่ทว่าข้อมูลนี่ยังไม่มีการพิสูจน์ ต่อมาในช่วงปี พ.ศ. 2528 การเต้น Breakdance ก็ได้มีความนิยมแพร่หลาย ด้วยแนวดนตรีในยุคนั้นซึ่งมีอิทธิพลต่อเด็กวัยรุ่นในสมัยนั้นมาก จึงมีท่าที่นิยมเล่นต่างๆมากมาย ซึ่งได้แก่ ท่ากังหัน (Windmill),ท่าหนอน(Worm) , Wave (การเต้น wave ใน style Popping ), Robot (การทำท่าเลียนแบบหุ่นยนตร์) เป็นต้น ส่วนมากวัยรุ่นในสมัยนั้นจะเต้นกันแบบเต้นได้ คนละท่า สองท่า เพื่อเอาไว้อวดสาว และใช้เต้นเพื่อความสนุกสนานไปตามยุคสมัยไม่ได้ทำจนเป็นจริงจัง สมัยก่อนยังไม่มีคำว่า B-boy ใช้แต่คำว่า Breakdance ตามชื่อเรียกของสื่อในอเมริกา ยุคนั้นเป็นช่วง ที่วง Rock Steady crew ก็กำลังมีอัลบั้ม เป็นของตัวเองซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่มีอิทธิพลมากสำหรับ Pop culture ในช่วงนั้น จากนั้นบีบอยก็มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน
คลิปเด็ก 8 ขวบเต้นบีบอยแข่งกับผู้ใหญ่หลายคนอาจเคยดูล่ะที่รวมคลิป
จาก
maesaingp.org
www.kimart7.com
www.youtube.com
Volwar- Webmaster
- จำนวนข้อความ : 572
คะแนน : 770
คะแนนชื่อเสียง : 14
Join date : 23/01/2010
Age : 30
ที่อยู่ : ถนนเจริญยาก ถนนไม่มีรถเมล์ กทม.
สับปะรด !!!!!!!
อ่านแล้ว ไม่นึกเลยนะเนี่ย ว่าสับปะรดที่เบียปลูก ที่เก็บ ที่กิน อยู่ทุกๆวันเนี่ย
มันจะมีประวัติ มากมาย ขนาดนี้ !!!! น่าอึ้งนะ
อย่างงี้ ต้องปลูกเยอะแล้วๆๆๆๆ
สับปะรด เป็น ผลไม้ ของกษัตริย์ !!!!!
มันจะมีประวัติ มากมาย ขนาดนี้ !!!! น่าอึ้งนะ
อย่างงี้ ต้องปลูกเยอะแล้วๆๆๆๆ
สับปะรด เป็น ผลไม้ ของกษัตริย์ !!!!!
beer- F Class
- จำนวนข้อความ : 9
คะแนน : 13
คะแนนชื่อเสียง : 4
Join date : 22/10/2011
Age : 25
ที่อยู่ : 299 Moo 1 Pluakdaeng Rayong
ผลไม้ๆๆ เนี่ยนะ
อิอิ ชอบอะ อ่านแล้ว ได้รู้ ขึ้นมากๆๆ
ว่าที่เราเรียกอยู่ทุกวันนี้ เนี่ย ประวัติ มันมาจากไหนๆ
ขอบคุณค่ะ ^^
ว่าที่เราเรียกอยู่ทุกวันนี้ เนี่ย ประวัติ มันมาจากไหนๆ
ขอบคุณค่ะ ^^
beer- F Class
- จำนวนข้อความ : 9
คะแนน : 13
คะแนนชื่อเสียง : 4
Join date : 22/10/2011
Age : 25
ที่อยู่ : 299 Moo 1 Pluakdaeng Rayong
Re: วัฒนธรรมและชาวต่างชาติในสยาม
โอ้เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าจักรยานก็มีแบบแปลกๆตาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
Tabutuba- B Class
- จำนวนข้อความ : 155
คะแนน : 195
คะแนนชื่อเสียง : 29
Join date : 07/01/2011
Age : 26
ที่อยู่ : kkw Band
Re: วัฒนธรรมและชาวต่างชาติในสยาม
โอ้ สวยงามจังเลย ^^
Tabutuba- B Class
- จำนวนข้อความ : 155
คะแนน : 195
คะแนนชื่อเสียง : 29
Join date : 07/01/2011
Age : 26
ที่อยู่ : kkw Band
หน้า 6 จาก 6 • 1, 2, 3, 4, 5, 6
หน้า 6 จาก 6
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|
Wed Feb 19, 2014 8:13 pm by chrysella
» 99วันกับการติวสอบเข้ามหาวิทยาลัย เริ่มวันที่4กรกฎาคม
Sun Jul 08, 2012 12:28 am by IceDraGon
» วัฒนธรรมและชาวต่างชาติในสยาม
Mon Jun 25, 2012 9:40 pm by Tabutuba
» Offering online casino
Sun Jun 10, 2012 2:35 pm by aimhang555
» รวมคลิปเด็ดๆ
Mon Jan 09, 2012 9:53 pm by Volwar
» ข้อมูลโลกของเราและประวัติศาสตร์โลก
Tue Dec 27, 2011 10:25 am by Volwar
» กระทู้รวมแบบทดสอบทายใจ
Sun Dec 25, 2011 9:26 am by Volwar
» กระทู้สุขสันต์วันเกิด
Fri Dec 16, 2011 7:12 pm by Volwar
» รวมภาพแปลกๆ
Wed Dec 14, 2011 7:43 pm by Volwar